หมอไกรวิทย์ เฮงสวัสดิ์ ข้อเท็จจริงที่ยังไม่รู้ก่อนการทำทรีตเมนต์-เลเซอร์ในคลินิกความงาม

artearte

สมาชิกโดดเด่น
สมัครเมื่อ
3 มีนาคม 2015
โพสต์
54
หมอไกรวิทย์ เฮงสวัสดิ์ ข้อเท็จจริงที่ยังไม่รู้ก่อนการทำทรีตเมนต์-เลเซอร์ในคลินิกความงาม

คงปฏิเสธไม่ได้เลยน๊ะคะว่าการทำเลเซอร์ และการทำทรีตเมนต์หน้าใสไร้สิว ไร้ริ้วรอย ไร้กระฝ้า ลดจุดด่างดำ กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่สาวๆ ไม่เว้นแม้กระทั้งผู้ชายที่ชอบการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ แต่จะมีใครทราบบ้างไหมคะว่า นอกเหนือจากผลดีแล้วยังมีผลเสียบางอย่าง ที่เราหลายคนคาดไม่ถึงเลยทีเดียวค่ะ
การทำเลเซอร์ผิวหนัง ไม่ว่าจะทำเพื่อความงามหรือเพื่อรักษาสภาวะของผิวหนังบางอย่าง เราควรจะเรียนรู้วิธีการดูแลผิวหลังการทำเลเซอร์อย่างถูกวิธี เพื่อให้ผลลัพธ์ของการทำเลเซอร์ผิวหนังออกมาดีภายในเวลารวดเร็ว โดยไม่เกิดผลข้างเคียง หรือเกิดน้อยที่สุดค่ะ

การทำเลเซอร์ผิวหนังคืออะไร


1. การรักษาหรือปรับสภาพผิวโดยการใช้เลเซอร์เป็นการใช้พลังงานจากแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ส่งไปยังเซลล์เป้าหมายบนผิวหนังที่ดูดซับพลังงานแสงได้ดี

2. ทำให้เกิดการทำลายเซลล์เป้าหมายนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง โดยมีผลต่อเซลล์อื่นที่อยู่ข้างเคียงน้อยมาก

3. การปรับสภาพผิว โดยการใช้เลเซอร์นี้ไม่จำเป็นแต่เฉพาะในเรื่องความสวยงาม เช่น การลบริ้วรอย จุดด่างดำ หรือแก้ปัญหารูขุมขนกว้างเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการรักษาภาวะบางอย่างได้ด้วย เช่น เนื้องอกผิวหนังเล็กๆ น้อยๆ หูด กระเนื้อ เป็นต้น
เครื่องเลเซอร์ที่พบได้บ่อยในปัจจุบันคือ
มีเลเซอร์มากมายหลายชนิดที่นำมาใช้โดยแต่ละเครื่องเลเซอร์จะผลิตจุดคลื่นแสงได้ต่างกัน เช่น

  1. IPL Rejuvenation จุดคลื่น 595 nm.CO2 laser จุดคลื่น 10600 nm. ผลของลำแสงจะทำให้เส้นเลือด และเส้นน้ำเหลืองขนาดเล็กในบริเวณนั้นปิด
    1. เพื่อการดูแลผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ( Photo Rejuvuination )
    2. เป็นการช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยกระบวนการต่าง ๆกัน
    3. ทำให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์
    4. ใช้ได้ดีในการรักษาสิวอักเสบ
  2. Q-Switch มีช่วงคลื่นอยู่ระหว่าง 695- 1064 nm. ใช้รักษาโรคของเม็ดสีดำ
    1. รูบีเลเซอร์ (Ruby laser) ช่วงคลื่น 695 nm. ใช้รักษาโรคของเม็ดสีดำทั้งหลาย เช่น การลบรอยสัก รักษาปานดำ ปานสีน้ำตาล กระลึก
    2. อเล็กซานไดร์ท เลเซอร์ (Alexandite Laser) ช่วงคลื่น 755 และ 810 nm.ใช้ในการกำจัดเส้นขนได้ดี แต่พบปัญหาในหารกำจัดเส้นของคนผิวสี(เอเซีย,นิโกร)
    3. คิว-สวิทช์-เอ็น-ดี-แยค (Q-switched Nd:YAG) 1064 nm.ได้ผลดีกับการรักษาโรคของเม็ดสีดำ
  3. คลื่นวิทยุ (RF-Radio Frequency)
    1. ช่วยทำให้โครงสร้างคอลลาเจนของผิวกระชับตัว
    2. เพิ่มจำนวนคอลลาเจน
    3. ลดริ้วรอยย่นและยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย
    4. การรักษาต้องใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือนจึงจะเห็นผล
    5. ที่รู้จักกันดีเช่น Thermage (Therma Cool) และเทคนิคการทำก็สำคัญมาก เพราะหากทำไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้ใบหน้าทั้งสองข้างไม่เท่ากันได้
ประเภทการทำทรีตเม้นท์มีดังนี้ค่ะ
  1. การทำ AHA Treatment (Facial Peeling) ผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วย AHA ที่สกัดได้จากผลไม้รวม ช่วยกระตุ้นผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำที่อยู่ด้านนอกค่อยๆหลุดออกไปอย่างช้าๆ ทำให้รูขุมขนกระชับ และลดเลือนรอยด่างดำและริ้วรอยได้อย่างดี ผิวของคุณจะดูขาวใสเหมือนผิวครั้งวัยเยาว์
  2. Iontophoresis ช่วย ผลักสารต่างๆ อาทิวิตามินซีบริสุทธิ์เข้าสู่ผิวได้ล้ำลึกว่าการทาบนผิวภายนอก นอกจากจะส่งผลในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวแล้ว ยังช่วยยับยั้งการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีผิวที่ผิดปกติที่เป็นสาเหตุของ รอยด่างดำ ทำให้ผิวของคุณดูนุ่มนวลและดูขาวกระจ่างใสอยู่เสมอ ควรทำอย่างต่อเนื่อง
  3. No-Needle Meso Therapy เป็น เทคนิคที่ใช้สารที่มีประจุไฟฟ้า เช่น สารอาหาร กลุ่มวิตามิน โคเอนไซม์ กรดอะมิโน ร่วมกับระบบผลักตัวยา (Electro oration) และระบบ Electro osmosis ที่ช่วยปรับเปลี่ยนโครงสร้างของเซลล์ใต้ผิวหนังให้เกิดช่องว่างอิสระระหว่าง เซลล์ผิวชั่วคราว ทำให้ยาและวิตามินที่เป็นประโยชน์ซึมผ่านเข้าสู่ใต้ผิวหนังได้อย่างมี ประสิทธิภาพ (ลึกกว่าการใช้เครื่องไอออนโตหรือโฟโน)
  4. Phonophoresis เป็น เทคนิคการผลักยาผ่านเซลล์ผิวหนังโดยใช้คลื่นเหนือเสียงอัลตร้าโซนิค (ultrasonic wave) ความถี่สูง 1 MHz เป็นตัวผลักยาหรือวิตามิน การผลักยาด้วยวิธีนี้ทำให้ยาซึมผ่านผิวได้มากและเร็วกว่าการทายาหรือทาครีม
  5. Microdermabrasion Treatment เป็นการกรอผิวหน้าให้เรียบเนียนขึ้นด้วยผงเกล็ดอัญมณีที่มีขนาดเล็กมาก ช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยด่างดำ รอยแผลเป็นจากสิวหรืออีสุกอีใส รอยหลุมสิว แล้วกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่สดใสและอ่อนนุ่มกว่า ทำให้ผิวของคุณเรียบเนียนแลดูสดใสอยู่เสมอ
  6. Oxygen Peeling Treatment เป็นการใช้แรงดันอากาศระดับสูงในการช่วยผลัดเซลล์ผิว คล้ายการกรอผิวด้วยเครื่องกรอเกล็ดอัญมณี แต่อ่อนโยนและระคายเคืองน้อยกว่า ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยด่างดำบนผิวหน้า ทำให้หน้าดูกระจ่างใส รวมทั้งช่วยเติมเต็มออกซิเจนให้กับเซลล์ผิว ผสานด้วยระบบสมานผิวด้วยระบบพ่นน้ำแร่เย็น

นอกจากจะเกิดอาการเหล่านี้จากการทำ treatment เป็นเวลานานๆแล้วยังจะอาจเกิดจากการใช้เครื่องสำอางหน้าใสโดยการกล่าวอ้าง ว่าหน้าขาวใสเร็ว กระฝ้าหายเกลี๊ยง มี 4 สารฮิตดังนี้ค่ะ

  1. สารปรอท (Mercury compounds): จะทำให้หน้าขาวเร็วในตอนแรก หลังจากนั้นจะทำให้แพ้ ผื่นแดง ผิวบางลง ดำ เกิดพิษปรอทสะสมในทางเดินปัสสาวะ และไตอักเสบได้
  2. สารไฮโดรควิโนน (Hydroquinone): จะทำให้ฝ้าหายในช่วงแรก หลังจากนั้นจะทำให้เกิดการระคายเคือง จุดด่างขาว ผิวหน้ามีสีดำ เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย
  3. กรดเรทิโนอิก (Retinoic) หรือกรดวิตามินเอ ช่วยให้แก้ปัญหาผิวหน้ามันหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง มีจุดด่างดำ สิวบุก ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเสี้ยน ลลดเลือนริ้วรอย แต่จัดว่าเป็นยาค่ะเนื่องจากมีผลข้างเคียงสูงมากคือทำให้หน้าแดง แสบร้อนรุนแรง อักเสบ ผิวลอกรุนแรง เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
  4. กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) จัดเป็นยารักษาฝ้าหน้าขาว มีผลข้างเคียงคือ ทำให้หน้าร้อนแดง คัน เป็นขุย บางรายอาจเกิดการแพ้ เป็นผื่นได้


 

ไฟล์แนบ

  • 27182.jpg
    27182.jpg
    165.3 KB · อ่าน: 0
ด้านบน ด้านล่าง