lookkeawdiary
สมาชิกใหม่
- สมัครเมื่อ
- 8 มกราคม 2017
- โพสต์
- 2
ตามหัวข้อเลยนะค้า วันนี้แก้วจะมาแชร์ประสบการณ์รีวิวการฉีดฟิลเลอร์
เริ่มต้นจากที่ตัวแก้วเองเริ่มกังวลเรื่องของริ้วรอยบนหน้าที่ค่อนข้างชัดขึ้น ทั้งที่อายุก็ไม่เท่าไหร่เอง T^T
ตอนนั้นก็คิดว่าไหนๆก็เป็นครั้งแรกก็เลยกะว่าจะทำรีวิวอย่างระเอียดไว้ให้
สาวๆหนุ่มที่อยากทำเกี่ยวกับฟิลเลอร์ไว้ประกอบการตัดสินใจด้วยค่ะ
และแก้วก็ได้เก็บรูปภาพและประสบการณ์กับการฉีดครั้งนี้มาเยอะพอสมควร จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่าาา
คลีนิค Amarate อยู่เซ็นทรัลบางนา ชั้น 5 ถามว่าไกลบ้านมั้ย ไกลค่ะ! 555 แต่ดูจากรีวิวและความน่าเชื่อถือของคุณหมอ ไกลแค่ไหนก็ยอม
คลีนิคหาไม่ยากค่ะเดินแปปเดียวก็หาเจอ
แวบแรกที่คิดคือ คลีนิคสวยจัง มีใบอนุญาติครบถ้วนดูปลอดภัย
ตอนนั้นที่เราไปประมาณ 10.30 น.เช้ามาก เพราะตื่นเต้นนอนไม่หลับ
คลีนิคเพิ่งเปิดเลย คนก็จะไม่ค่อยพลุกพล่านมาก
รางวัลการันตรีค่ะ
พี่พนักงานของทางคลีนิคก็เข้ามาพูดคุย
และให้เรากรอกประวัติการทำศัลยกรรม
มีใบอนุญาติคุณหมอติดอยู่หน้าห้องด้วย
ลูกแก้วสู้ๆ ไม่กลัวเล้ยยย ( สังเกตุใต้ตา บวมเป่งเป็นร่องลึกมาก
และในที่สุด เราก็ได้เข้าพบคุณหมอต้นค่าาาา คุณหมอหล่อกว่าในรูปมากสุภาพเรียบร้อย
คือจะบอกว่าเรารัวคำถามใส่คุณหมอไปเยอะมากกกกกกก
คุณหมอต้นก็ใจดีมากกตอบทุกคำถาม
และคุณหมอต้นได้ให้คำแนะนำเราว่าควรจะแก้ไขเรื่องปัญหาใต้ตาเป็นอับแรกก่อน
เพราะใต้ตามีปัญหาค่อนข้างเยอะ
แก้วบอกคุณหมอไปตามตรงว่า แก้วไม่เคยฉีดฟิลเลอร์และค่อนข้างกังวลมาก
เพราะใต้ตาเป็นจุดที่แก้วคิดว่าค่อนข้างหน้ากลัว
คำถามหลักๆที่แก้วถามตอบกับคุณหมอก็ประมาณว่า
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสี่ยงตาบอดมั้ย ? มันจะมีผลข้างเคียงระยะยาวมั้ย ? เจ็บมากมั้ย ?
ฉีดอย่างไร? ฉีดกี่ซีซี ต้องบอกเลยว่า 108 คำถามรัวใส่คุณหมอ 555
คุณหมอต้นน่ารักมาก อธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับความกังวลของเรา
การฉีดใต้ตามีที่มีเปอร์เซ็นเสี่ยงตาบอดเพราะเกิดจากหมอที่ไม่มีความชำนาญและใช้เข็มปลายแหลมในการฉีด แต่คุณหมอต้นจะใช้เข็มทู่เพราะฉะนั้นความเสี่ยงแทบจะไม่มี
และได้สรุปการรักษาของเราคือ ฉีดฟิลเลอร์เติมบริเวณใต้ตา ประมาณ 1-2 ซีซี ( แต่ตอนฉีดจริงๆคุณหมอใช้เพียง 1 ซีซีเท่านั้น ) และยกกระชบบริเวณใต้ตานิดหน่อย
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ไม่รอช้าค่ะ เริ่มขั้นตอนกันเลย
หลังจากคลีนเครื่องสำอางค์บนหน้าเสร็จ ก็เข้าสู้ขั้นตอนของการวางแผนการรักษา
คุณหมอคอยอธิบายให้เราฟังอย่างละเอียดว่าจะทำอะไรบ้าง มีพี่พนักงานคอยดูแลอยู่ตลอดเพราะรู้ว่าเราค่อนข้างกังวล น่ารักมากค่ะ
ประคบเย็นก่อนฉีดยาชา พยายามไม่มองเข็ม 555555555
และแล้ว เข็มแรกก็ลงบนหน้าเราเรียบร้อย เป็นเข็มของยาชานั่นเอง
ให้ความรู้สึกจี้ดๆ แต่นับ 1-10 ในใจก็เสร็จ
ขอย้ำแรงๆว่า คุณหมอต้นมือเบามากกกกกกกกก
และเมื่อฉีดยาชาทั้งสองข้างเสร็จขั้นตอนต่อไปคือการเจาะเพื่อเปิดผิว ( เค้าเรียกแบบนี้มั้ย )555
จะบอกทุกคนไว้ตรงนี้เลยว่า
หลังจากที่ยาชาออก ฤทธิแล้ว ขั้นตอนจากนี้จะไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ
ขั้นตอนนี้เป็นการเริ่มฉีดฟีลเลอร์และนวดไปเรื่อยๆ
คุณหมอบอกว่าฝั่งขวาของเรานั้นมีปัญหามากว่าฝั่งซ้าย (อ้างอิงจากฝั่งของคุณหมอนะคะ )
เพราะโหนกแก้มไม่เท่ากันคุณหมอต้น ละเอียดมาก นิดๆหน่อยไม่ปล่อยผ่าน เก็บทุกรายละเอียดค่ะบอกเลย
ปล.ที่เห็นปากเราเบี้ยวเพราะฤทธิ์ยาชานะคะ ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย
อยู่ที่ข้างซ้ายประมาณ 15 นาทีจากนั้นย้ายมาข้างขวา (อ้างอิงจากฝั่งของคุณหมอ )
จะเห็นได้ชัดว่าข้างซ้ายร่องใต้ตาเต็มแล้ว
แต่คุณหมอต้นบอกว่า ยังต้องกลับมาเก็บรายละเอียดให้เป๊ะอีกรอบนึง
คุณหมอละเอียดมากจริงๆค่ะ
เห็นจุดแดงๆข้างขวามั้ยคะ นั่นแหละค่ะ รอยเข็ม มีแค่นั้นจริงๆ
กรณีของแก้วคุณหมอบอกว่าอายุยังไม่มากใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 CC เท่านั้น
และยังมีฟิลเลอร์เหลือมาเติมชั้นผิวให้ดูเหมือนผิวอิ่มน้ำอีกด้วยค่ะ เ
จากที่เห็นตรงบริเวณข้างๆแก้วทั้งสองฝั่งจะมีจุดอยู่สองจุดเล็กๆ
นั่นคือจุดของรอยเข็ม เล็กมากกกค่ะ ใช้เวลาวันเดียวก็หายดี
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- สาวๆหนุ่มๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจ มีปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง หรืออยากได้แนวผมที่สวย มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ
- [รีวิวจัดฟันแบบใส] อยากฟันเรียงสวยแต่ไม่มีเวลาเข้ามาคลินิกทุกเดือน
- รีวิวผ่าตัดขากรรไกร แก้ปากอูม แบบละเอียดยิบ 12 วันไปงานได้แล้ว ไม่มีสายเดรน ไม่ต้องจัดฟันก่อน
- โดนเพื่อนช็อตฟีลตั้งแต่เด็กว่ากรามใหญ่ แค่นั้นไม่พอยังโดนคนที่บ้านช็อตอีก
- หน้าเด็กกว่าเดิมด้วยการยกคิ้วนะคะ