อาราเร่
Junior Member
- สมัครเมื่อ
- 21 มกราคม 2014
- โพสต์
- 6
ดิฉันฉันเข้ามาแชร์เรื่องนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่คิดจะฉีดจมูก ดิฉันกลัวการผ่าตัดเสริมจมูก จึงตัดสินใจไปฉีดฟิลเลอร์ไม่ผ่าน อย. มาเมื่อกลางปี 2012 เพราะเข้าใจว่าเดี๊ยวมันก็สลายไม่อันตราย หลังจากนั้นฉีดเติมมาเรื่อยๆ รวมแล้ว 4 cc กับหมอคลินิค ผลที่ได้จมูกโด่งขึ้น มองด้านข้างมีสัน แต่ผลเสียที่ตามมาอย่างรวดเร็วคือ
(1) ฟิลเลอร์ไหลกองที่หัวตาทำให้สันจมูกช่วงหัวตาไม่เป็น รูปทรง รวมถึงฟิลเอร์บนสันจมูกไหลลงไปที่แก้มด้วย,
(2) ผิวหนังบริเวณจมูกขรุขระ เป็นคลื่น ,
(3) ผิวหนังบริเวณกลางจมูกและปลายจมูกแดง,
(4) เกิดสิวขึ้นบนจมูกตลอดเวลา ดิฉันวิตกจริตกับจมูกพักใหญ่เจอกระจกเมื่อไหร่ต้องส่ องดูว่ามันยังปกติดีอยู่หรือเปล่า โชคดีที่ดิฉันไปเจอ fb ที่คุณรันสร้างขึ้นชื่อ "ปรับทุกข์ ปัญหาจากการฉีด จมูกไบโอ อควาลิฟ ฟิลเลอร์"
คุณรันให้ข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่วันแรกของการผ่าตัดที ่ณพลักษณ์คลีนิค ดิฉันติดตามข้อมูลทั้งของคุณรัน และของฌพลักษณ์คลีนิคอยู่ 3 เดือน จนมั่นใจแล้วจึงตัดสินใจแก้ไข โดยมีคุณหมออรรถพรรณและคุณเฟียต คอยให้คำแนะนำดูแลดิฉันเป็นอย่างดี ครั้งแรกเข้าปรึกษา
คุณเฟียตให้ดิฉันเล่าตั้งแต่ฉีดครั้งแรกเมื่อไหร่ ใช้สารอะไร จนถึงครั้งสุดท้าย ตรงนี้สำคัญนะคะ เพื่อประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้อง ถึงวันผ่าตัด 15/12/13 ดิฉันได้คุยกับคุณหมออรรถพรรณถึงปัญหาที่เกิด และวิธีการผ่าตัดแก้ไข ให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ขณะที่ดิฉันหยิบยาขึ้นทาน คุณหมอทักทันทีว่าก่อนทานยาต้องดูก่อนว่ายาอะไร จากนั้นสอนแม้กระทั่งการแกะเม็ดยาออกจากซอง คุณหมอละเอียดจริงๆ ค่ะ
จากนั้นเริ่มกระบวนการเตรียมตัวก่อนฝ่าตัด แปรงฟัน 4 รอบ ล้างหน้า 6 รอบ ถักเปีย เก็บผม เปลี่ยนชุด ใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เมื่อเข้าห้องผ่าตัดคุณหมอและคุณพยาบาลช่วยกันจัดท่า นอนให้สบายที่สุด มีเพลงฟังเบาๆไปตลอดการผ่าตัดคุณหมอบอกดิฉันทุกขั้นต อนว่าจะทำอะไบ้างตั้งแต่ให้ดูชุดปลอดเชื้อที่คุณหมอใ ช้ ดิฉันแอบคิดในใจ ยังกะชุดท่องอวกาศแน่ะ ต่อจากนั้นคุณหมอเช็ดแอลกอฮอล์ บนใบหน้าและรูจมูก 3 รอบ ตามด้วยฉีดยาชา 150 เข็ม(ของดิฉันเกือบ 300 เข็มเพราะมีปัญหายาชาหมดฤทธิเร็วกว่าคนอื่น ทั่วไปอยู่ได้ 1 ชม ของดิฉันอยู่ได้แค่ 45 นาที คุณหมอเหนื่อยกะดิฉันน่าดู) เป็นครั้งแรกที่ฉีดยาชาโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บเลย คุณหมอให้ดูเข็มขณะเดินยาด้วยเพื่อยืนยันว่าไม่เจ็บเ ลยจริงๆ
ดิฉันถามคุณหมอว่าทำไมไม่ฉีดยาสลบ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคุณหมอ คนไข้ไม่เจ็บด้วย คุณหมออธิบายให้ฟังว่า การฉีดยาสลบมีความเสี่ยงที่คนไข้จะหัวใจหยุดเต้น เป็นอันตรายถึงชีวิต การวางสลบที่ถูกต้องต้องทำในโรงพยาบาลด้วยวิสัญญีแพท เท่านั้น และค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก และคนไข้ไม่มีโอกาสทราบเลยว่าถูกทำอะไรไปบ้าง ดังนั้นการใช้ยาชาเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เข้าใจกระจ่างค่ะ คุณหมอย้ำอีกครั้งว่าอะไรที่เป็นความรู้ และเราช่วยคนอื่นได้ให้ทำนะ เช่นเรื่องผลเสียจากการให้ยาสลบโดยฉีดเข้าที่แขนเป็น ต้น หลังจากยาชาเข็มแรกผ่านไปดิฉันไม่รู้สึกเจ็บเลย ยังคงได้ยินเสียงคุณหมอทำงานกับจมูกของดิฉันตลอดเวลา จนเผลอหลับไปหลายรอบ จนคุณหมอบอกว่าเลาะฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ออกได้เกือบหมด ยกเว้นส่วนที่ไหลไปตรงแก้มเอาออกไม่ได้เพราะมีเส้นปร ะสาทเยอะ อันตราย คุณหมอเคาะกระดูกจมูกให้ฟังหากฟิลเลอร์ยังอยู่จะเคาะ แบบนี้ไม่ได้ ตกใจค่ะ ไม่นึกว่าจมูกเราเคาะได้ด้วย แต่ก็ดีใจ มันออกไปจากชีวิตฉันเสียที เคลิ้มหลับอีกครั้งค่ะ ตื่นมาอีกครั้งตอนคุณเฟียตขึ้นมาเหลาแท่งซิลลิโคน เคสดิฉันยากตรงที่จมูกสั้น ฐานจมูกด้านซ้ายใหญ่กว่าด้านขวา แต่ทั้ง 2 ท่านช่วยกันดู ช่วยกันปรับ จนได้แบบที่เหมาะสมกับดิฉันที่สุด เสร็จแล้วเป็นการเย็บปิดแผลใส่ผ้าก็อตซับเลือดในรูจม ูก แปะเทปดามจมูกไม่ให้เคลื่อน จบขั้นตอน คุณหมอบอกว่าขณะนี้เวลา 7.30 PM ดิฉันขึ้นเตียงผ่าตัดเวลา 2 PM รวมระยะเวลาที่คุณหมอผ่าตัดแก้ไขจมูกให้ดิฉัน 5.30 ชม. นานมากๆ ใช่ไหมคะ แต่ดิฉันไม่ได้รู้สึกว่านานเลยนะคะ หลับๆ ตื่นๆ ไปเรื่อยๆ ประกอบกับสบายใจและวางใจว่าคุณหมอและคุณเฟียตจะช่วยท ำให้ดิฉันหายทุกข์กับดั้งฟิลเลอร์ไม่ผ่าน อย. ได้อย่างแน่นอน และสุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณหมอและคุณเฟียตมากๆ รวมถึงขอบคุณ คุณเฟิร์น พี่หน่อย พี่ดา และเจ้าหน้าที่ของคลีนิคท่านอื่นๆ ด้วยที่ดูแลดิฉันเป็นอย่างดี และหวังว่าเรื่องราวของดิฉันจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุก คนที่คิดจะฉีดสารใดๆ เข้าดั้งจมูกค่ะ
(1) ฟิลเลอร์ไหลกองที่หัวตาทำให้สันจมูกช่วงหัวตาไม่เป็น รูปทรง รวมถึงฟิลเอร์บนสันจมูกไหลลงไปที่แก้มด้วย,
(2) ผิวหนังบริเวณจมูกขรุขระ เป็นคลื่น ,
(3) ผิวหนังบริเวณกลางจมูกและปลายจมูกแดง,
(4) เกิดสิวขึ้นบนจมูกตลอดเวลา ดิฉันวิตกจริตกับจมูกพักใหญ่เจอกระจกเมื่อไหร่ต้องส่ องดูว่ามันยังปกติดีอยู่หรือเปล่า โชคดีที่ดิฉันไปเจอ fb ที่คุณรันสร้างขึ้นชื่อ "ปรับทุกข์ ปัญหาจากการฉีด จมูกไบโอ อควาลิฟ ฟิลเลอร์"
คุณรันให้ข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่วันแรกของการผ่าตัดที ่ณพลักษณ์คลีนิค ดิฉันติดตามข้อมูลทั้งของคุณรัน และของฌพลักษณ์คลีนิคอยู่ 3 เดือน จนมั่นใจแล้วจึงตัดสินใจแก้ไข โดยมีคุณหมออรรถพรรณและคุณเฟียต คอยให้คำแนะนำดูแลดิฉันเป็นอย่างดี ครั้งแรกเข้าปรึกษา
คุณเฟียตให้ดิฉันเล่าตั้งแต่ฉีดครั้งแรกเมื่อไหร่ ใช้สารอะไร จนถึงครั้งสุดท้าย ตรงนี้สำคัญนะคะ เพื่อประเมินการรักษาได้อย่างถูกต้อง ถึงวันผ่าตัด 15/12/13 ดิฉันได้คุยกับคุณหมออรรถพรรณถึงปัญหาที่เกิด และวิธีการผ่าตัดแก้ไข ให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ขณะที่ดิฉันหยิบยาขึ้นทาน คุณหมอทักทันทีว่าก่อนทานยาต้องดูก่อนว่ายาอะไร จากนั้นสอนแม้กระทั่งการแกะเม็ดยาออกจากซอง คุณหมอละเอียดจริงๆ ค่ะ
จากนั้นเริ่มกระบวนการเตรียมตัวก่อนฝ่าตัด แปรงฟัน 4 รอบ ล้างหน้า 6 รอบ ถักเปีย เก็บผม เปลี่ยนชุด ใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เมื่อเข้าห้องผ่าตัดคุณหมอและคุณพยาบาลช่วยกันจัดท่า นอนให้สบายที่สุด มีเพลงฟังเบาๆไปตลอดการผ่าตัดคุณหมอบอกดิฉันทุกขั้นต อนว่าจะทำอะไบ้างตั้งแต่ให้ดูชุดปลอดเชื้อที่คุณหมอใ ช้ ดิฉันแอบคิดในใจ ยังกะชุดท่องอวกาศแน่ะ ต่อจากนั้นคุณหมอเช็ดแอลกอฮอล์ บนใบหน้าและรูจมูก 3 รอบ ตามด้วยฉีดยาชา 150 เข็ม(ของดิฉันเกือบ 300 เข็มเพราะมีปัญหายาชาหมดฤทธิเร็วกว่าคนอื่น ทั่วไปอยู่ได้ 1 ชม ของดิฉันอยู่ได้แค่ 45 นาที คุณหมอเหนื่อยกะดิฉันน่าดู) เป็นครั้งแรกที่ฉีดยาชาโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บเลย คุณหมอให้ดูเข็มขณะเดินยาด้วยเพื่อยืนยันว่าไม่เจ็บเ ลยจริงๆ
ดิฉันถามคุณหมอว่าทำไมไม่ฉีดยาสลบ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคุณหมอ คนไข้ไม่เจ็บด้วย คุณหมออธิบายให้ฟังว่า การฉีดยาสลบมีความเสี่ยงที่คนไข้จะหัวใจหยุดเต้น เป็นอันตรายถึงชีวิต การวางสลบที่ถูกต้องต้องทำในโรงพยาบาลด้วยวิสัญญีแพท เท่านั้น และค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่มสูงขึ้นมาก และคนไข้ไม่มีโอกาสทราบเลยว่าถูกทำอะไรไปบ้าง ดังนั้นการใช้ยาชาเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เข้าใจกระจ่างค่ะ คุณหมอย้ำอีกครั้งว่าอะไรที่เป็นความรู้ และเราช่วยคนอื่นได้ให้ทำนะ เช่นเรื่องผลเสียจากการให้ยาสลบโดยฉีดเข้าที่แขนเป็น ต้น หลังจากยาชาเข็มแรกผ่านไปดิฉันไม่รู้สึกเจ็บเลย ยังคงได้ยินเสียงคุณหมอทำงานกับจมูกของดิฉันตลอดเวลา จนเผลอหลับไปหลายรอบ จนคุณหมอบอกว่าเลาะฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ออกได้เกือบหมด ยกเว้นส่วนที่ไหลไปตรงแก้มเอาออกไม่ได้เพราะมีเส้นปร ะสาทเยอะ อันตราย คุณหมอเคาะกระดูกจมูกให้ฟังหากฟิลเลอร์ยังอยู่จะเคาะ แบบนี้ไม่ได้ ตกใจค่ะ ไม่นึกว่าจมูกเราเคาะได้ด้วย แต่ก็ดีใจ มันออกไปจากชีวิตฉันเสียที เคลิ้มหลับอีกครั้งค่ะ ตื่นมาอีกครั้งตอนคุณเฟียตขึ้นมาเหลาแท่งซิลลิโคน เคสดิฉันยากตรงที่จมูกสั้น ฐานจมูกด้านซ้ายใหญ่กว่าด้านขวา แต่ทั้ง 2 ท่านช่วยกันดู ช่วยกันปรับ จนได้แบบที่เหมาะสมกับดิฉันที่สุด เสร็จแล้วเป็นการเย็บปิดแผลใส่ผ้าก็อตซับเลือดในรูจม ูก แปะเทปดามจมูกไม่ให้เคลื่อน จบขั้นตอน คุณหมอบอกว่าขณะนี้เวลา 7.30 PM ดิฉันขึ้นเตียงผ่าตัดเวลา 2 PM รวมระยะเวลาที่คุณหมอผ่าตัดแก้ไขจมูกให้ดิฉัน 5.30 ชม. นานมากๆ ใช่ไหมคะ แต่ดิฉันไม่ได้รู้สึกว่านานเลยนะคะ หลับๆ ตื่นๆ ไปเรื่อยๆ ประกอบกับสบายใจและวางใจว่าคุณหมอและคุณเฟียตจะช่วยท ำให้ดิฉันหายทุกข์กับดั้งฟิลเลอร์ไม่ผ่าน อย. ได้อย่างแน่นอน และสุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณหมอและคุณเฟียตมากๆ รวมถึงขอบคุณ คุณเฟิร์น พี่หน่อย พี่ดา และเจ้าหน้าที่ของคลีนิคท่านอื่นๆ ด้วยที่ดูแลดิฉันเป็นอย่างดี และหวังว่าเรื่องราวของดิฉันจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุก คนที่คิดจะฉีดสารใดๆ เข้าดั้งจมูกค่ะ
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- สาวๆหนุ่มๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจ มีปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง หรืออยากได้แนวผมที่สวย มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ
- [รีวิวจัดฟันแบบใส] อยากฟันเรียงสวยแต่ไม่มีเวลาเข้ามาคลินิกทุกเดือน
- รีวิวผ่าตัดขากรรไกร แก้ปากอูม แบบละเอียดยิบ 12 วันไปงานได้แล้ว ไม่มีสายเดรน ไม่ต้องจัดฟันก่อน
- โดนเพื่อนช็อตฟีลตั้งแต่เด็กว่ากรามใหญ่ แค่นั้นไม่พอยังโดนคนที่บ้านช็อตอีก
- หน้าเด็กกว่าเดิมด้วยการยกคิ้วนะคะ