สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรรู้เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก

babala

สมาชิกโดดเด่น
สมัครเมื่อ
16 กันยายน 2020
โพสต์
131
syringe13052021.jpg

มะเร็งปากมดลูกหมายถึงก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นบริเวณมดลูก ช่องคลอด และช่องปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกมักจะเกิดในหญิงอายุประมาณ 50 ปี โดยผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกจำนวนมากจะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตั้งครรภ์เร็ว คลอดบุตรหลายครั้ง และผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HPV แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ โรคมะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มที่จะเกิดกับหญิงที่อายุยังน้อยได้อีกด้วย ดังนั้นการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยไม่ให้เราเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ โดยวัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูก ผลิตจากโปรตีนที่เปลือกหุ้มเชื้อไวรัส ปัจจุบันนิยมนำมาใช้มีอยู่ 3 ชนิดด้วยกันดังนี้

  • ชนิดที่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 2 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ที่ 16 และ 18) ชื่อการค้า Cervarix ป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70%
  • ชนิด 4 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ที่ 6, 11, 16 และ 18) มีชื่อการค้าว่า Gardasil ป้องกันมะเร็งปากมดลูก และหูดที่อวัยวะเพศ
  • ชนิด 9 สายพันธุ์ (สายพันธุ์ที่ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58) ชื่อการค้า Gardasil 9 องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เพิ่งรับรองประสิทธิภาพวัคซีนตัวนี้ โดยสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกและหูดได้ประมาณ 90% รวมทั้งป้องกันมะเร็งทวารหนักได้ประมาณ 80%
การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็มภายในระยะเวลา 6 เดือน คือ ครั้งที่ 1 ให้ฉีดตามที่กำหนด , ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 1-2 เดือน , ครั้งที่ 3 ห่างจากเข็มแรกประมาณ 6 เดือน โดยช่วงอายุที่ดีที่เหมาะกับการฉีดวัคซีน คือให้ฉีดก่อนถึงวัยที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และโรคที่จะเกิดตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งองค์การอาหารและยาของอเมริกาได้แนะนำให้เริ่มฉีดเมื่ออายุประมาณ 11-12 ปี แต่อาจจะฉีดเมื่ออายุ 9 ขวบก็ได้ เนื่องจากเด็กจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้มีการศึกษาพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HPV ในช่วงอายุ 9-26 ปีได้เป็นอย่างดีค่ะ

#วัคซีนมะเร็งปากมดลูก
 
ด้านบน ด้านล่าง