แพทย์เผยงานวิจัย เสริมหน้าอกแบบไหน?? จะปัง!!!!

Pr_BMACH

สมาชิกโดดเด่น
สมัครเมื่อ
7 เมษายน 2020
โพสต์
20
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ความสวยความงาม” กับ “ผู้หญิง” เป็นของคู่กัน โดยเฉพาะในยุค Selfie Generation หรือการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องความงามในโซเชียลมีเดีย ยิ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญทำให้คนหันมาใส่ใจและดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นผ่านการศัลยกรรม นอกจากนี้ ช่วงวัยของอายุยิ่งนับวันจะเริ่มลดลงมา จากเดิมจะเริ่มเมื่ออายุ 30 ปีเป็นต้นไป แต่ปัจจุบันช่วง 20 ปี ก็เริ่มหันมาปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจ และถือเป็นการสร้างโอกาสในการทำงาน

Top 5 World.jpg
จากผลการสำรวจของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery: ISAPS) ปี 2018 พบว่า อัตราการเติบโตของศัลยกรรมความงามทั่วโลก เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับปี 2017 โดยศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ การศัลยกรรมเสริมหน้าอก มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมา 6.1% ซึ่งประเทศที่มีจำนวนศัลยกรรมเสริมหน้าอกมากที่สุดในโลก ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา, รองลงมาคือ บราซิล และเม็กซิโก

ถึงแม้ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2020 หลังทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่ความต้องการในการศัลยกรรมหน้าอก กลับยังครองแชมป์ศัลยกรรมที่มีคนให้ความสนใจและต้องการศัลยกรรมอยู่ โดยเฉพาะประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลกอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา โดย American Society of Plastic Surgeons (ASPS) ได้เปิดเผยผลสำรวจทัศนคติของผู้ที่มีความสนใจในการศัลยกรรมท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เมื่อเดือนพ.ค.2020 พบว่า ผู้ที่สนใจทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อการศัลยกรรม และยังต้องการจะศัลยกรรมเสริมหน้าอก หากแต่ชะลอและเลื่อนการศัลยกรรมออกไปก่อน

ทางด้าน Fortune Business Insights ได้คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตในกลุ่มของการศัลยกรรมเสริมหน้าอกว่า ศัลยกรรมเสริมหน้าอกจะยังคงได้รับความนิยมต่อไปอีกในช่วง 7 ปีต่อจากนี้ ซึ่งประเทศน้องใหม่ในแถบเอเชียที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มความต้องการศัลยกรรมเสริมหน้าอกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คือ ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น รวมถึง ประเทศไทยด้วย โดยมีแรงผลักดันมาจากเหล่าคนดังในสังคม

Cosmetics Surgery.jpg
ทางด้านประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ตัวเลขศัลยกรรมความงามระดับโลกมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากอันดับที่ 22 ของโลกขึ้นมายืนอยู่อันดับ 8 ของโลก และยังรั้งตำแหน่งเบอร์ 1 ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางในการศัลยกรรมความงามของชาวต่างชาติ เนื่องจากฝีมือและมาตรฐานระดับสากล ซึ่งมั่นใจว่าได้ว่านอกจากมีความปลอดภัยแล้ว ยังได้รับผลลัพธ์ที่ดีหลังจากศัลยกรรมความงาม

DrThananchai_resize.jpg
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม รพ.บางมด กล่าวว่า “ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการทำศัลยกรรมความงาม โดยสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านศัลยกรรม นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางที่ชาวต่างชาติทั่วโลกเลือกเป็นจุดหมายปลายทางและเข้ามาทำศัลยกรรมเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกา”

สำหรับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก ซึ่งถือเป็นศัลยกรรมอันดับต้นๆ ทีผู้หญิงทั่วโลกให้ความสนใจ รวมทั้ง สาวไทยด้วยนั้น ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งสาเหตุหลักมาจากผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับรูปร่างมากขึ้น และต้องการมีภาพลักษณ์ที่ดูดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง อายุ 30 – 45 ปี แต่อย่างไรก็ตามในกลุ่มอายุ 18 - 20 ปี ก็เริ่มให้ความสนใจและวางแผนทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกกันมากขึ้น ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้คือ ต้องการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง และเป็นโอกาสในการต่อยอดทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มนางแบบ, นักแสดง, พิธีกร, นางงาม รวมถึง กลุ่มผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด (KOL) เช่น Beauty Blogger เป็นต้น

จากผลการวิจัยทั่วโลกเกี่ยวกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาพบว่า การเสริมหน้าอกที่มีขนาดใหญ่เกินไป ก่อให้เกิดผลเสียหลายประการ เช่น หน้าอกหย่อนคล้อย ดูไม่เป็นธรรมชาติ ในปัจจุบันจึงมีเทรนด์ใหม่ในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกที่ขนาดไม่ใหญ่มาก และมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เรียกว่า Modern Breast

“Modern Breast เป็นการเสริมหน้าอกที่เน้นขนาดที่พอเหมาะกับร่างกาย ไม่ใหญ่เกินไป โดยให้ความสำคัญกับการตรวจวัดวิเคราะห์โดยละเอียดก่อนผ่าตัด เลือกขนาดที่พอเหมาะร่วมกับการใช้ถุงซิลิโคนที่มีคุณภาพสูง และเทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัย เช่น Dual plane, การส่องกล้องช่วยผ่าตัด ทั้งนี้ เพื่อทำให้ผลลัพธ์มีความพอดีมากขึ้น มีความเป็นธรรมชาติสูงขึ้น และปลอดภัยในระยะยาวมากขึ้น” นพ.ธนัญชัย กล่าว

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า การศัลยกรรมความงามยังเป็นทางเลือกสำหรับผู้หญิงทั้งในปัจจุบันและอนาคต สำหรับการเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง โดยยึดหลักความปลอดภัย และความพอเหมาะพอดี เพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว
 
ด้านบน ด้านล่าง