ประวัติ มาการอง ขนมหลากสีสันสุดฮิต

บุษบา

Junior Member
สมัครเมื่อ
27 มกราคม 2014
โพสต์
5

magaron.jpg




เมื่อไม่นานมานี้ ขนมรูปทรงกลม ๆ สีสันหลากสีสวยเตะตา สอดไส้ไปด้วยครีมรสชาติต่าง ๆ กลายเป็นขนมหวานสุดฮิตของบ้านเราไปแล้ว หลายคนมักจะเห็นภาพมาการององผ่านโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ ก อย่าง อินสตราแกรม เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ อยู่บ่อย ๆ เพราะไม่ว่าใครที่ได้ซื้อมาการองมากิน สีสันสวยหวานของมาการองจะสะกดจิตให้หยิบโทรศัพท์ขึ้น มาแชะรูป อวดให้คนทั้งโลกได้รับรู้กันสักหน่อย ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงอดใจไม่ไหวบ้าง เลยขอนำประวัติความเป็นมาของขนมมาการองสีสันสวย ๆ มาให้ทุกคนได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังกันค่ะ

มาการอง (Macaron) เป็นขนมสัญชาติฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงนั้นเศรษฐกิจของฝรั่งเศสค่อนข้างย่ำแย่ ถือเป็นยุคข้าวยากหมากแพงเลยก็ว่าได้ มีมิชชั่นนารีชาวอิตาเลียนอยู่คนหนึ่ง นำอัลมอนด์ ไข่ขาว และน้ำตาล มาปรุงเป็นอาหารเพื่อประทังชีวิต เพราะวัตถุดิบเหล่านี้ราคาไม่แพง แถมยังมีคุณค่าทางสารอาหารเทียบเท่าเนื้อสัตว์ด้วย และหนึ่งในอาหารเหล่านั้นก็มีขนมมาการองอยู่ด้วย ที่ใช้อัลมอนด์บด น้ำตาลทราย และไข่ขาว มาตีรวมกันจนได้เนื้อเนียนละเอียด จากนั้นนำไปอบในเตาอบจนส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ นำมาประกอบขึ้นเป็นรูปร่างคล้ายจานบินเล็ก ๆ มีรสชาติหอมหวาน กรอบนอก แต่ด้านในนิ่มละลายในปาก ความอร่อยที่ลงตัว แถมราคาถูกแบบนี้ จึงส่งผลให้มาการองกลายเป็นขนมหวานที่ได้รับความนิยม อย่างแพร่หลายมาก ๆ ในยุคนั้น

ต่อมา ปิแอร์ เออร์เม่ (Pierre Hermé) เจ้าพ่อวงการขนมหวานได้สรรค์สร้างไส้มาการองจากผลไม้ หลากหลายชนิดทั่วโลก แล้วนำมาการอง 2 ชิ้นมาประกบกันเหมือนแซนด์วิช เพิ่มความกลมกล่อมลงตัวให้ขนมมาการองมีความโดดเด่นขึ ้นอีกมาก จนฮิตติดใจคนทั่วโลก จนได้ยกให้เป็นมาการองที่อร่อยที่สุดในโลกไปเสียแล้ว

เสน่ห์ของขนมมาการองไม่ได้อยู่ที่สีสันสดใสเพียงเท่า นั้น แต่มาการองที่ดีต้องมีรูปร่างคล้ายกับโดมแบน ๆ มองดูจากด้านบนเป็นวงกลม ผิวด้านบนของขนมเรียบมันจากความละเอียดของอัลมอนด์บด ที่สำคัญรอยหยักคล้ายลูกไม้ชายกระโปรงต้องบางกรอบ รวมทั้งต้องมีกลิ่นหอมหวาน รสชาติไส้ต่าง ๆ ต้องซึมซาบเข้าสู่ชั้นของคุกกี้ ซึ่งกระบวนการนี้ต้องอาศัยเคล็ดลับนำมาการองไปแช่เย็ น 1 คืน ก่อนนำมารับประทาน เพราะความชื้นจากไส้จะทำให้มาการองมีความนุ่มหนึบเวล าเคี้ยวนั่นเองค่ะ

พอรู้ที่มาและประวัติที่น่าสนใจแบบนี้แล้วก็อยากจะรี บไปซื้อมาการองมากินเสียเดี๋ยวนี้เลยทีเดียว ว่าแต่มีสี มีไส้ให้เลือกเยอะแยะขนาดนี้ จะเลือกซื้ออันไหนดีนะ อิอิ ^^


ขอขอบคุณข้อมูลจาก ขนมมาการอง
 
ด้านบน ด้านล่าง