สวัสดีครับ คือผมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องรูปปากมาก เพราะเป็นคนมีริมฝีปากหนาทั้งบนและล่าง(หนามากจริงๆ) ทำให้เวลาถูกถ่ายภาพทีเผลอ หน้าจะออกมาแย่มากเกิดความไม่มั่นใจเวลาจะพูดพรีเซนต์งาน หรือพบเจอคนใหม่ๆ
หลังจากหาข้อมูลอยู่นาน ก็ตัดสินใจลองพบคุณหมอที่ Masterpiece Clinic คลินิกอยู่สยามสแควร์ ตรงข้ามมาบุญคลอง เดินทางง่ายมาก และผลงานศัลยกรรมของที่นี่น่าพอใจมาก พอถึงวันนัด เข้ามาในคลีนิคอย่างแรกที่รู้สึกได้คือพี่ๆพนักงานดูแลเราดีมากครับ คุณหมอผู้ดูแลเคสของผมคือคุณหมอบุ๊ง เริ่มแรกก็บอกถึงปัญหาและเอารูปทรงปากที่อยากได้ให้คุณหมอดู คุณหมออธิบายดีมากครับ เข้าใจง่าย และแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับใบหน้าของเราที่สุด เลยไม่ลังเลตกลงนัดวันทำเลย ซึ่งช่วงนั้นทำวิทยานิพนธ์กำลังจะเรียนจบ กังวลว่าปากจะหายไม่ทันพรีเซนต์งาน แต่คุณหมอบอกว่า 2 สัปดาห์หายทันแน่นอน
อาจจะดูไม่ค่อยได้ แต่อยากให้โฟกัสที่ปากอย่างเดียวพอ555
ผมทำปากทั้งหมด 2 ครั้ง มาดูกันเลย...
อันนี้เป็นรูปก่อนทำ จะเห็นว่าหนามาก และไม่เป็นทรง
หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว คุณหมอบุ๊งจะขอคุยอีกครั้งก่อนทำ คุณหมอแนะนำว่า ไม่ให้เอาออกมากเพราะถ้าเอาออกมากเกินแล้วเราไม่ชอบ มันเอากลับมาไม่ได้ แล้วถ้ายังไม่ชอบค่อยมาให้หมอดูใหม่ ผมก็เห็นด้วย จากนั้นก็วาดปาก บรรยากาศในห้องผ่าตัดสบายๆมากครับ มีเพลงฟังชิวๆ ไม่เกร็งเท่าไร
จากนั้นก็ฉีดยาชา อันนี้เจ็บ เลยใช้วิธีการท่อง ในใจท่องรัวๆว่า “กระจอกมากๆ อกหักยังเจ็บกว่านี่อีก” พูดเป็นร้อยๆรอบในใจ มันก็ช่วยนะในความรู้สึก555 พอฉีดเสร็จหมอก็นวดๆที่ปากแล้วถามว่าเจ็บมั้ย? แน่นอนผมเป็นเด็กมีมารยาทเลยตอบว่า ไม่เจ็บครับ... หมอบุ๊งเลยพูดว่า “เอาจริงๆเจ็บมั้ย?” ผมเลยบอกว่าเจ็บแต่ท่องในใจว่ากระจอกมากๆ คุณหมอหัวเราะเลยบอกว่าเดี๋ยวให้คนไข้คนอื่นทำบ้าง
หลังจากนั้นคุณหมอก็เริ่ม...เออไม่รู้สึกอะไรเลยเลยแฮะ หลังจากนอนฟังเพลงนิ่งๆให้คุณหมอจัดการปากไป อยู่ดีๆก็มีกลิ่นเหมือนคนเผากุ้ง...แต่ไม่ใช่ คือว่าคุณหมอกำลังทำให้แผลมันประกบกันด้วยไฟฟ้า(มั้งนะ)555 จากนั้นก็เย็บๆ เสร็จแล้วก็ให้เราดูกระจก หมอบอกผมนอนนิ่งมาก พยาบาลก็พาไปประคบเย็น และให้รางวัลเป็นแมสปิดปาก 1 อันกับถุงยาดีไซน์สวยงาม
ช่วงนี้ห้ามหัวเราะเลยเพราะเลือดจะออก นั่งดูน้ำตากามเทพแบบเงียบๆ... หัวเราะแค่ หึหึ...พอใจล่ะ
วันที่ 8 วันนัดตัดไหม(ครบสัปดาห์พอดี กินยาครบทุกมื้อ) อาการช้ำจางลง ปากลอก ทำให้ได้ปากสีชมพู555
วันที่ 15 คือมันบางลงจริง แต่มันก็ยังหนาอยู่ดี เพราะเป็นคนมีต้นทุนสูง(ปากหนามาก555) เลยมีความคิดที่ว่า งั้นเอาใหม่ทำข้างบนให้บางอีก
ติดตามตอนต่อไป...ภาค 2 กับการทำปากบางข้างบนนะครับ
หลังจากหาข้อมูลอยู่นาน ก็ตัดสินใจลองพบคุณหมอที่ Masterpiece Clinic คลินิกอยู่สยามสแควร์ ตรงข้ามมาบุญคลอง เดินทางง่ายมาก และผลงานศัลยกรรมของที่นี่น่าพอใจมาก พอถึงวันนัด เข้ามาในคลีนิคอย่างแรกที่รู้สึกได้คือพี่ๆพนักงานดูแลเราดีมากครับ คุณหมอผู้ดูแลเคสของผมคือคุณหมอบุ๊ง เริ่มแรกก็บอกถึงปัญหาและเอารูปทรงปากที่อยากได้ให้คุณหมอดู คุณหมออธิบายดีมากครับ เข้าใจง่าย และแนะนำสิ่งที่เหมาะสมกับใบหน้าของเราที่สุด เลยไม่ลังเลตกลงนัดวันทำเลย ซึ่งช่วงนั้นทำวิทยานิพนธ์กำลังจะเรียนจบ กังวลว่าปากจะหายไม่ทันพรีเซนต์งาน แต่คุณหมอบอกว่า 2 สัปดาห์หายทันแน่นอน
อาจจะดูไม่ค่อยได้ แต่อยากให้โฟกัสที่ปากอย่างเดียวพอ555
ผมทำปากทั้งหมด 2 ครั้ง มาดูกันเลย...
อันนี้เป็นรูปก่อนทำ จะเห็นว่าหนามาก และไม่เป็นทรง
หลังจากทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว คุณหมอบุ๊งจะขอคุยอีกครั้งก่อนทำ คุณหมอแนะนำว่า ไม่ให้เอาออกมากเพราะถ้าเอาออกมากเกินแล้วเราไม่ชอบ มันเอากลับมาไม่ได้ แล้วถ้ายังไม่ชอบค่อยมาให้หมอดูใหม่ ผมก็เห็นด้วย จากนั้นก็วาดปาก บรรยากาศในห้องผ่าตัดสบายๆมากครับ มีเพลงฟังชิวๆ ไม่เกร็งเท่าไร
จากนั้นก็ฉีดยาชา อันนี้เจ็บ เลยใช้วิธีการท่อง ในใจท่องรัวๆว่า “กระจอกมากๆ อกหักยังเจ็บกว่านี่อีก” พูดเป็นร้อยๆรอบในใจ มันก็ช่วยนะในความรู้สึก555 พอฉีดเสร็จหมอก็นวดๆที่ปากแล้วถามว่าเจ็บมั้ย? แน่นอนผมเป็นเด็กมีมารยาทเลยตอบว่า ไม่เจ็บครับ... หมอบุ๊งเลยพูดว่า “เอาจริงๆเจ็บมั้ย?” ผมเลยบอกว่าเจ็บแต่ท่องในใจว่ากระจอกมากๆ คุณหมอหัวเราะเลยบอกว่าเดี๋ยวให้คนไข้คนอื่นทำบ้าง
หลังจากนั้นคุณหมอก็เริ่ม...เออไม่รู้สึกอะไรเลยเลยแฮะ หลังจากนอนฟังเพลงนิ่งๆให้คุณหมอจัดการปากไป อยู่ดีๆก็มีกลิ่นเหมือนคนเผากุ้ง...แต่ไม่ใช่ คือว่าคุณหมอกำลังทำให้แผลมันประกบกันด้วยไฟฟ้า(มั้งนะ)555 จากนั้นก็เย็บๆ เสร็จแล้วก็ให้เราดูกระจก หมอบอกผมนอนนิ่งมาก พยาบาลก็พาไปประคบเย็น และให้รางวัลเป็นแมสปิดปาก 1 อันกับถุงยาดีไซน์สวยงาม
ช่วงนี้ห้ามหัวเราะเลยเพราะเลือดจะออก นั่งดูน้ำตากามเทพแบบเงียบๆ... หัวเราะแค่ หึหึ...พอใจล่ะ
วันที่ 8 วันนัดตัดไหม(ครบสัปดาห์พอดี กินยาครบทุกมื้อ) อาการช้ำจางลง ปากลอก ทำให้ได้ปากสีชมพู555
วันที่ 15 คือมันบางลงจริง แต่มันก็ยังหนาอยู่ดี เพราะเป็นคนมีต้นทุนสูง(ปากหนามาก555) เลยมีความคิดที่ว่า งั้นเอาใหม่ทำข้างบนให้บางอีก
ติดตามตอนต่อไป...ภาค 2 กับการทำปากบางข้างบนนะครับ
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- สาวๆหนุ่มๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจ มีปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง หรืออยากได้แนวผมที่สวย มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ
- [รีวิวจัดฟันแบบใส] อยากฟันเรียงสวยแต่ไม่มีเวลาเข้ามาคลินิกทุกเดือน
- รีวิวผ่าตัดขากรรไกร แก้ปากอูม แบบละเอียดยิบ 12 วันไปงานได้แล้ว ไม่มีสายเดรน ไม่ต้องจัดฟันก่อน
- โดนเพื่อนช็อตฟีลตั้งแต่เด็กว่ากรามใหญ่ แค่นั้นไม่พอยังโดนคนที่บ้านช็อตอีก
- หน้าเด็กกว่าเดิมด้วยการยกคิ้วนะคะ