สวัสดีค่ะ เราชื่อ ตา (นามสมมุติ) นะคะ เป็นสาวออฟฟิตธรรมดาค่ะ ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่าไม่เคยทำรีวิวที่ไหน แต่ที่มารีวิวเผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างค่ะ เราเขียนละเอียดเลยนะ เพราะกว่าจะแก้เสร็จใช้เวลาเป็นปี แต่ถ้าใครขี้เกียจเลื่อนไปข้างล่างเลยค่ะ เราสรุปให้แล้ว
รอบแรกเราทำที่คลินิคย่านประตูน้ำตอนนั้นเราใจร้อน ไม่ได้หาข้อมูลให้ดีก่อนคิดว่าที่ไหนๆก็คงทำเหมือนๆกัน เราคิดแค่ว่าหมอมีชื่อเสียง คนไปทำเยอะวันนึงเป็นสิบ ไม่ต้องใส่สายระบายเลือดให้ยุ่งยาก ทำเสร็จสวยเลย ประกอบกับวันที่เราอยากทำทางคลินิคสะดวกมีคิวให้เลยตรงดิ่งไปทำเลยค่ะ จริงๆวอคอินเข้าไปต่อคิวก็ทำได้เลย ด้วยความขี้เกียจรอและรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นปัญหาอะไร เลยตัดสินใจเข้าไปเลย มันก็คงจะชิวๆเหมือนเสริมจมูกอะไรแบบนี้
ตอนที่เข้าไปถึงคลินิค ก็คือรอคิวค่ะรอประมาณ2ชม. พี่ๆตรงเคาเตอร์ก็แจ้งว่าให้ไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อพบคุณหมอ พอพบหมอหมอก็ให้ถอดเสื้อและถามว่าเอาใหญ่มั่ยเราก็ตอบว่าไม่ใหญ่มากชอบธรรมชาติ หมอก็ถามว่าทำงานสายพริตตี้รึเปล่าเราก็ตอบว่าเปล่า ที่มาทำเพราะอยากมีหน้าอกเฉยๆไม่ได้เกี่ยวกับการทำงาน และถามหมอว่าถ้ามีลูกให้นมลูกได้มั้ย หมอก็ตอบว่าได้เพราะใส่เหนือกล้ามเนื้อ (โล่งอก555) จากนั้นหมอก็เอาปากกาเมจิกมาขีดๆตรงหน้าอกและบอกว่าเอาไป325cc. แล้วกันเราก็ถามว่ามีซิลิโคนให้ดูมั้ยเค้าก็ตอบว่าไม่ต้องดูหรอกมันเหมือนๆกันแบบทรงกลม ผิวทราย ของ mentor จากนั้นก็ให้เราไปนั่งรอและมีคนพาขึ้นไปชั้นบน คราวนี้ก็เจอคนที่รอทำคิวผ่าอีกสองราย ก็มีการพูดคุยกันเล็กน้อยเรื่องขนาด ปรากฏว่าเราเล็กสุด เค้ายังบอกเราว่าเอาใหญ่กว่านี้มั้ย แค่เอาปากกามาเดี๋ยวเขียนให้555(คุยกันเล่นๆจริงๆไม่ได้ทำนะค่ะ) ตอนนั้นรู้สึกว่าวันนึงหมอผ่ากี่เคสเนี่ย คนไข้เยอะมากๆ แล้วหมอเอาเวลาไหนพักแต่อีกใจนึงก็คิดว่าถ้ามีคนมาให้แนะนำจะบอกว่าให้มาเคสเช้าๆหมอจะได้ไม่หมดแรง จากนั้นก็มีคนมาเรียกให้เข้าไปเตรียมผ่าและพูดสรุปให้ขนาด325cc. ทำแบบเหนือกล้ามเนื้อ คุยด้วยความรวดเร็วมากเลยค่ะ ขั้นตอนที่เราทำ หมอใช้วิธีให้ยามึนๆกินเข้าไปก่อน เราไม่แน่ใจว่าเป็นนอนหลับ หรือยาสลบนะคะ มันสลึมสลือเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น พาขึ้นเตียงลอคแขน ถอดเสื้อผ้าออกค่ะ แล้วสักพักรู้สึกเคลิ้มๆแบบขึ้นยานอวกาศ พอรู้สึกตัวอีกทีมันเจ็บแบบจุกๆ ปวดๆตึงๆ มึนหัวเล็กน้อยจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างๆอาเจียน จากนั้นก็อาเจียนตามซิค่ะ 55 ซักพักใหญ่ก็มีคนมาพาเราลงไปข้างล่างเพื่อกลับบ้าน จากนั้นก็ปวดมากแต่ก็กินยาช่วย แต่จะมีปวดตรงช่วงแขนเป็นอาทิตย์ๆ เพราะผ่าตัดตรงรักแร้ค่ะ เราไม่รู้หรอกนะคะว่าเทคนิคที่เค้าใช้เป็นแบบไหน แต่ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือเวลาเรายกแขนจะเห็นเป็นขอบซิลิโคนชัดเจน จากนั้นประมาณ1อาทิตย์หมอก็นัดเราก็ไปเค้าฉีดยาน้ำไปที่หน้าอกเหมือนยาแก้อักเสบหรืออะไรประมาณนี้จำไม่ค่อยได้นานมากแล้ว จากนั้นวันที่10เราก็ไปตัดไหม และหลังจากนั้นอีก2-3อาทิตย์เค้าก็นัดเราไปสอนนวดและจากนั้นเราก็ไม่เคยเข้าไปให้คุณหมอดูอีกเลยค่ะ ทางคลินิกนั้นก็ไม่เคยนัดให้เข้าไปพบอีก เราก็ปล่อยเฉยเพราะเวลาปกติใส่เสื้อผ้ามันก็สวยดี เราใช้ชีวิตกับหน้าอกนี้อยู่ 2 ปีได้ค่ะ แต่สุดท้ายก็กัดฟันแก้
1.คือไซส์มันใหญ่เกินไป (เราตัวเล็กมาก และไม่เคยได้ลองซิลิโคนก่อนทำเลย พอเสริมออกมาขนาด 325cc. มันใหญ่เกินไปสำหรับเราค่ะ เรากลับไม่มั่นใจแทน หน้าที่การงานเราต้องการบุคลิกดูดี ไม่ใช่นมใหญ่เว่อร์ค่ะ TT)
2.รู้สึกว่าหน้าอกมันห่าง หัวนมชี้ออกข้าง
3.เวลาเรายกแขนทีไร ซิลิโคนลอยขึ้นมาเป็นลูก เห็นขอบชัดมาก ดูรู้ว่าทำค่ะ (รับไม่ได้ค่ะ)
ตอนนี้เราเลยตั้งมั่นว่าจะไม่พลาดแล้วจึงเริ่มหาข้อมูลและถามเพื่อนๆในวงการแพทย์ และผู้แทนเครื่องมือแพทย์ จนมาลงเอยที่ หมอ ทร คลินิก D ย่านรัชดา เพราะเพื่อนที่ทำงานแนะนำว่า คุณหมอ มีเทคนิคพิเศษในการวางซิลิโคนให้กลมกลืนกับร่างกายแม้ขยับตัว เรียกว่า Dual plane และใช้แต่ซิลิโคนมาตรฐาน (ส่วนตัวเลือก mentor ไว้ในใจค่ะ ) เริ่มแรกก็เข้าไปปรึกษาหมอก่อนเพราะเราเป็นเคสแก้
ซึ่งคุณหมอก็แนะนำให้ เอาของเดิมออกก่อน ให้ถอดพักรอแผลหายดีแล้วเสริมใหม่ เพราะคุณหมอกังวลเรื่องพังผืด พอเราเสริมเหนือกล้ามเนื้อมา โอกาสเกิดพังผืดมากกว่า ประมาณ 20-30 % ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้ จะแก้ยากเพราะต้องเลาะพังผืดออกเยอะทำให้ผิวหนังบาง แล้วการที่จะลดไซส์ซิลิโคน ต้องรอให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองก่อน ประมาณปลายเดือนตค.เราไปเอาของเก่าออกค่ะ กลับมาบ้านก็รู้สึกแปลกๆ คือมันแบนมาก จากคนที่เคยมีอ่ะเนอะ ส่วนความเจ็บนั้นไม่ค่อยเจ็บค่ะ สี่วันเราก็ขับรถไปทำงานแล้วค่ะ
ช่วงปลาย ธค.ก็ นัดกับคุณหมอเพื่อจะเข้ามาเสริมใหม่ โดยคราวนี้หมอแนะนำว่าควรเป็นแบบทรงกลม ผิวทราย เพราะเราเคยผ่านการทำหน้าอกที่ใหญ่มาก่อน(มาลดขนาด) แล้วมันอาจจะมีโพรงถ้าใช้แบบหยดน้ำซิลิโคนมีโอกาสจะพลิกหมุนจากตำแหน่งเดิมได้
รอบนี้เราเลือกขนาด250cc. ทรงกลม ผิวทรายของ Mentor ค่ะโดยจะมีใบรับประกันซิลิโคนให้เรากลับบ้านด้วย (จากที่เสริมครั้งเก่าเราไม่เคยได้รับใบรับประกันอะไรมาเลยค่ะ ) ก่อนเข้าผ่าตัดหมอจะวัดขนาดเพื่อวางซิลิโคนอย่างละเอียด (ละเอียดมากๆจริงๆ ) และอธิบายถึงเทคนิค เหตุผลที่ใช้ Dual plane เนื่องจากเราค่อนข้างผอม เนื้อน้อย การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้ไม่เห็นขอบที่เป็นปัญหา แล้วจะได้ทรงที่เหมือนธรรมชาติที่สุด จากนั้นเราก็เข้าห้องผ่าตัด
ตื่นมาอีกทีก็มีนมแล้วจร้า จากวันนั้นจนวันนี้ก็ครึ่งปีกว่าแล้วค่ะ ได้มีนมใหม่ที่นิ่ม ไร้ขอบ และดูธรรมชาติมากๆ ส่วนเรื่องแผลผ่าตัด ของเดิมจากรักแร้ หมอเปลี่ยนมาผ่าที่บริเวณใต้ราวนมแทนค่ะ เพราะตอนนั้นเรายังเลือกไซส์ซิลิโคนได้ไม่ชัวร์ คุณหมอเลยให้เอาซิลิโคนอันเก่าออกทางเดิมคือแผลทางรักแร้ ส่วนแผลใต้ราวนมไว้เสริมตอนที่ได้ไซส์ซิลิโคนชัวร์ๆดีกว่า เพราะหมอจะวัดแผลให้ตำแหน่งอยู่ได้พอดีกับฐานหน้าอก
[/IMG]
[/IMG]
สรุปข้อคิดและความรู้ในการเสริมหน้าอกแล้วต้องแก้นะคะ
-การเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมใหญ่ไม่ง่ายและสวยด่วนเหมือนเสริมจมูก ทำตา ดังนั้นอย่าใจร้อน ต้องอาศัยการดูแลตัวเองด้วย
-ควรเลือกแพทย์ที่จบเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง (สืบได้ที่เว็บแพทย์สภาค่ะ) ที่ ให้คำปรึกษาได้ดี
-ซิลิโคนของแท้ทุกยี่ห้อมีใบรับประกันจากบริษัทซิลิโคนหนึ่งใบต่อชิ้นเท่านั้น เราควรเก็บไว้มีปัญหาเอาไปเคลมได้ค่ะ
-ควรเลือกสถานที่เสริมหน้าอกที่สะอาดและให้เราลองซิลิโคนได้ก่อน
-ถ้าใส่ใหญ่เกินขนาดมาก มักจะเห็นขอบซิลิโคน ทรงไม่สวย(เวลาถอดเสื้อจะเห็นเลย) อาจหัวนมชาได้
-ควรเลือกซิลิโคนให้พอดีกับขนาดตัวเรา เสริมบุคลิกอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำให้เราเสียความมั่นใจ (อันนี้ขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน)
-การที่หน้าอกมีน้ำคั่งบวมนานกว่าหนึ่งเดือน มีโอกาสติดเชื้อ นมแข็ง เกิดพังผืดได้ง่ายขึ้น 2 เท่า
-ใส่ซิลิโคนผิวเรียบเหนือกล้ามเนื้อจะทำให้มีโอกาสเกิดพังผืดง่ายกว่าผิวทรายใต้กล้ามเนื้อมากๆ
-Dual Plane เป็นเทคนิคการวางซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อ ช่วยให้เสริมมาแล้วไม่เป็นลอน เป็นบล๊อก ดูเป็นธรรมชาติเวลาเคลื่อนไหว
-ดูแลแผลด้วยการทายาและแปะซิลิโคนชีทหลังทำจะลดการเกิดแผลเป็นได้มาก
-อันนี้คือความรู้ที่เราได้จากการเสริมและแก้หน้าอกนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆบ้างค่ะ ขอขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านกัน ศัลยกรรมที่ดี ปลอดภัย ตัวของเราเลือกได้เองค่ะ อยากสวยทีเดียวจบต้องใจเย็นนิดนึงนะคะ
รอบแรกเราทำที่คลินิคย่านประตูน้ำตอนนั้นเราใจร้อน ไม่ได้หาข้อมูลให้ดีก่อนคิดว่าที่ไหนๆก็คงทำเหมือนๆกัน เราคิดแค่ว่าหมอมีชื่อเสียง คนไปทำเยอะวันนึงเป็นสิบ ไม่ต้องใส่สายระบายเลือดให้ยุ่งยาก ทำเสร็จสวยเลย ประกอบกับวันที่เราอยากทำทางคลินิคสะดวกมีคิวให้เลยตรงดิ่งไปทำเลยค่ะ จริงๆวอคอินเข้าไปต่อคิวก็ทำได้เลย ด้วยความขี้เกียจรอและรู้สึกว่ามันไม่น่าเป็นปัญหาอะไร เลยตัดสินใจเข้าไปเลย มันก็คงจะชิวๆเหมือนเสริมจมูกอะไรแบบนี้
ตอนที่เข้าไปถึงคลินิค ก็คือรอคิวค่ะรอประมาณ2ชม. พี่ๆตรงเคาเตอร์ก็แจ้งว่าให้ไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อพบคุณหมอ พอพบหมอหมอก็ให้ถอดเสื้อและถามว่าเอาใหญ่มั่ยเราก็ตอบว่าไม่ใหญ่มากชอบธรรมชาติ หมอก็ถามว่าทำงานสายพริตตี้รึเปล่าเราก็ตอบว่าเปล่า ที่มาทำเพราะอยากมีหน้าอกเฉยๆไม่ได้เกี่ยวกับการทำงาน และถามหมอว่าถ้ามีลูกให้นมลูกได้มั้ย หมอก็ตอบว่าได้เพราะใส่เหนือกล้ามเนื้อ (โล่งอก555) จากนั้นหมอก็เอาปากกาเมจิกมาขีดๆตรงหน้าอกและบอกว่าเอาไป325cc. แล้วกันเราก็ถามว่ามีซิลิโคนให้ดูมั้ยเค้าก็ตอบว่าไม่ต้องดูหรอกมันเหมือนๆกันแบบทรงกลม ผิวทราย ของ mentor จากนั้นก็ให้เราไปนั่งรอและมีคนพาขึ้นไปชั้นบน คราวนี้ก็เจอคนที่รอทำคิวผ่าอีกสองราย ก็มีการพูดคุยกันเล็กน้อยเรื่องขนาด ปรากฏว่าเราเล็กสุด เค้ายังบอกเราว่าเอาใหญ่กว่านี้มั้ย แค่เอาปากกามาเดี๋ยวเขียนให้555(คุยกันเล่นๆจริงๆไม่ได้ทำนะค่ะ) ตอนนั้นรู้สึกว่าวันนึงหมอผ่ากี่เคสเนี่ย คนไข้เยอะมากๆ แล้วหมอเอาเวลาไหนพักแต่อีกใจนึงก็คิดว่าถ้ามีคนมาให้แนะนำจะบอกว่าให้มาเคสเช้าๆหมอจะได้ไม่หมดแรง จากนั้นก็มีคนมาเรียกให้เข้าไปเตรียมผ่าและพูดสรุปให้ขนาด325cc. ทำแบบเหนือกล้ามเนื้อ คุยด้วยความรวดเร็วมากเลยค่ะ ขั้นตอนที่เราทำ หมอใช้วิธีให้ยามึนๆกินเข้าไปก่อน เราไม่แน่ใจว่าเป็นนอนหลับ หรือยาสลบนะคะ มันสลึมสลือเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น พาขึ้นเตียงลอคแขน ถอดเสื้อผ้าออกค่ะ แล้วสักพักรู้สึกเคลิ้มๆแบบขึ้นยานอวกาศ พอรู้สึกตัวอีกทีมันเจ็บแบบจุกๆ ปวดๆตึงๆ มึนหัวเล็กน้อยจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนข้างๆอาเจียน จากนั้นก็อาเจียนตามซิค่ะ 55 ซักพักใหญ่ก็มีคนมาพาเราลงไปข้างล่างเพื่อกลับบ้าน จากนั้นก็ปวดมากแต่ก็กินยาช่วย แต่จะมีปวดตรงช่วงแขนเป็นอาทิตย์ๆ เพราะผ่าตัดตรงรักแร้ค่ะ เราไม่รู้หรอกนะคะว่าเทคนิคที่เค้าใช้เป็นแบบไหน แต่ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือเวลาเรายกแขนจะเห็นเป็นขอบซิลิโคนชัดเจน จากนั้นประมาณ1อาทิตย์หมอก็นัดเราก็ไปเค้าฉีดยาน้ำไปที่หน้าอกเหมือนยาแก้อักเสบหรืออะไรประมาณนี้จำไม่ค่อยได้นานมากแล้ว จากนั้นวันที่10เราก็ไปตัดไหม และหลังจากนั้นอีก2-3อาทิตย์เค้าก็นัดเราไปสอนนวดและจากนั้นเราก็ไม่เคยเข้าไปให้คุณหมอดูอีกเลยค่ะ ทางคลินิกนั้นก็ไม่เคยนัดให้เข้าไปพบอีก เราก็ปล่อยเฉยเพราะเวลาปกติใส่เสื้อผ้ามันก็สวยดี เราใช้ชีวิตกับหน้าอกนี้อยู่ 2 ปีได้ค่ะ แต่สุดท้ายก็กัดฟันแก้
1.คือไซส์มันใหญ่เกินไป (เราตัวเล็กมาก และไม่เคยได้ลองซิลิโคนก่อนทำเลย พอเสริมออกมาขนาด 325cc. มันใหญ่เกินไปสำหรับเราค่ะ เรากลับไม่มั่นใจแทน หน้าที่การงานเราต้องการบุคลิกดูดี ไม่ใช่นมใหญ่เว่อร์ค่ะ TT)
2.รู้สึกว่าหน้าอกมันห่าง หัวนมชี้ออกข้าง
3.เวลาเรายกแขนทีไร ซิลิโคนลอยขึ้นมาเป็นลูก เห็นขอบชัดมาก ดูรู้ว่าทำค่ะ (รับไม่ได้ค่ะ)
ตอนนี้เราเลยตั้งมั่นว่าจะไม่พลาดแล้วจึงเริ่มหาข้อมูลและถามเพื่อนๆในวงการแพทย์ และผู้แทนเครื่องมือแพทย์ จนมาลงเอยที่ หมอ ทร คลินิก D ย่านรัชดา เพราะเพื่อนที่ทำงานแนะนำว่า คุณหมอ มีเทคนิคพิเศษในการวางซิลิโคนให้กลมกลืนกับร่างกายแม้ขยับตัว เรียกว่า Dual plane และใช้แต่ซิลิโคนมาตรฐาน (ส่วนตัวเลือก mentor ไว้ในใจค่ะ ) เริ่มแรกก็เข้าไปปรึกษาหมอก่อนเพราะเราเป็นเคสแก้
ซึ่งคุณหมอก็แนะนำให้ เอาของเดิมออกก่อน ให้ถอดพักรอแผลหายดีแล้วเสริมใหม่ เพราะคุณหมอกังวลเรื่องพังผืด พอเราเสริมเหนือกล้ามเนื้อมา โอกาสเกิดพังผืดมากกว่า ประมาณ 20-30 % ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานกว่านี้ จะแก้ยากเพราะต้องเลาะพังผืดออกเยอะทำให้ผิวหนังบาง แล้วการที่จะลดไซส์ซิลิโคน ต้องรอให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองก่อน ประมาณปลายเดือนตค.เราไปเอาของเก่าออกค่ะ กลับมาบ้านก็รู้สึกแปลกๆ คือมันแบนมาก จากคนที่เคยมีอ่ะเนอะ ส่วนความเจ็บนั้นไม่ค่อยเจ็บค่ะ สี่วันเราก็ขับรถไปทำงานแล้วค่ะ
ช่วงปลาย ธค.ก็ นัดกับคุณหมอเพื่อจะเข้ามาเสริมใหม่ โดยคราวนี้หมอแนะนำว่าควรเป็นแบบทรงกลม ผิวทราย เพราะเราเคยผ่านการทำหน้าอกที่ใหญ่มาก่อน(มาลดขนาด) แล้วมันอาจจะมีโพรงถ้าใช้แบบหยดน้ำซิลิโคนมีโอกาสจะพลิกหมุนจากตำแหน่งเดิมได้
รอบนี้เราเลือกขนาด250cc. ทรงกลม ผิวทรายของ Mentor ค่ะโดยจะมีใบรับประกันซิลิโคนให้เรากลับบ้านด้วย (จากที่เสริมครั้งเก่าเราไม่เคยได้รับใบรับประกันอะไรมาเลยค่ะ ) ก่อนเข้าผ่าตัดหมอจะวัดขนาดเพื่อวางซิลิโคนอย่างละเอียด (ละเอียดมากๆจริงๆ ) และอธิบายถึงเทคนิค เหตุผลที่ใช้ Dual plane เนื่องจากเราค่อนข้างผอม เนื้อน้อย การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้ไม่เห็นขอบที่เป็นปัญหา แล้วจะได้ทรงที่เหมือนธรรมชาติที่สุด จากนั้นเราก็เข้าห้องผ่าตัด
ตื่นมาอีกทีก็มีนมแล้วจร้า จากวันนั้นจนวันนี้ก็ครึ่งปีกว่าแล้วค่ะ ได้มีนมใหม่ที่นิ่ม ไร้ขอบ และดูธรรมชาติมากๆ ส่วนเรื่องแผลผ่าตัด ของเดิมจากรักแร้ หมอเปลี่ยนมาผ่าที่บริเวณใต้ราวนมแทนค่ะ เพราะตอนนั้นเรายังเลือกไซส์ซิลิโคนได้ไม่ชัวร์ คุณหมอเลยให้เอาซิลิโคนอันเก่าออกทางเดิมคือแผลทางรักแร้ ส่วนแผลใต้ราวนมไว้เสริมตอนที่ได้ไซส์ซิลิโคนชัวร์ๆดีกว่า เพราะหมอจะวัดแผลให้ตำแหน่งอยู่ได้พอดีกับฐานหน้าอก
สรุปข้อคิดและความรู้ในการเสริมหน้าอกแล้วต้องแก้นะคะ
-การเสริมหน้าอกเป็นศัลยกรรมใหญ่ไม่ง่ายและสวยด่วนเหมือนเสริมจมูก ทำตา ดังนั้นอย่าใจร้อน ต้องอาศัยการดูแลตัวเองด้วย
-ควรเลือกแพทย์ที่จบเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง (สืบได้ที่เว็บแพทย์สภาค่ะ) ที่ ให้คำปรึกษาได้ดี
-ซิลิโคนของแท้ทุกยี่ห้อมีใบรับประกันจากบริษัทซิลิโคนหนึ่งใบต่อชิ้นเท่านั้น เราควรเก็บไว้มีปัญหาเอาไปเคลมได้ค่ะ
-ควรเลือกสถานที่เสริมหน้าอกที่สะอาดและให้เราลองซิลิโคนได้ก่อน
-ถ้าใส่ใหญ่เกินขนาดมาก มักจะเห็นขอบซิลิโคน ทรงไม่สวย(เวลาถอดเสื้อจะเห็นเลย) อาจหัวนมชาได้
-ควรเลือกซิลิโคนให้พอดีกับขนาดตัวเรา เสริมบุคลิกอย่างแท้จริง ไม่ใช่ทำให้เราเสียความมั่นใจ (อันนี้ขึ้นกับมุมมองของแต่ละคน)
-การที่หน้าอกมีน้ำคั่งบวมนานกว่าหนึ่งเดือน มีโอกาสติดเชื้อ นมแข็ง เกิดพังผืดได้ง่ายขึ้น 2 เท่า
-ใส่ซิลิโคนผิวเรียบเหนือกล้ามเนื้อจะทำให้มีโอกาสเกิดพังผืดง่ายกว่าผิวทรายใต้กล้ามเนื้อมากๆ
-Dual Plane เป็นเทคนิคการวางซิลิโคนระหว่างกล้ามเนื้อ ช่วยให้เสริมมาแล้วไม่เป็นลอน เป็นบล๊อก ดูเป็นธรรมชาติเวลาเคลื่อนไหว
-ดูแลแผลด้วยการทายาและแปะซิลิโคนชีทหลังทำจะลดการเกิดแผลเป็นได้มาก
-อันนี้คือความรู้ที่เราได้จากการเสริมและแก้หน้าอกนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆบ้างค่ะ ขอขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านกัน ศัลยกรรมที่ดี ปลอดภัย ตัวของเราเลือกได้เองค่ะ อยากสวยทีเดียวจบต้องใจเย็นนิดนึงนะคะ
กระทู้เพิ่มเติมหมวดหมู่เดียวกัน
- สาวๆหนุ่มๆ คนไหนกำลังกลุ้มใจ มีปัญหาหัวล้าน ผมร่วง ผมบาง หรืออยากได้แนวผมที่สวย มารวมกันตรงนี้เลยค่ะ
- [รีวิวจัดฟันแบบใส] อยากฟันเรียงสวยแต่ไม่มีเวลาเข้ามาคลินิกทุกเดือน
- รีวิวผ่าตัดขากรรไกร แก้ปากอูม แบบละเอียดยิบ 12 วันไปงานได้แล้ว ไม่มีสายเดรน ไม่ต้องจัดฟันก่อน
- โดนเพื่อนช็อตฟีลตั้งแต่เด็กว่ากรามใหญ่ แค่นั้นไม่พอยังโดนคนที่บ้านช็อตอีก
- หน้าเด็กกว่าเดิมด้วยการยกคิ้วนะคะ
